ฮาวทูทิ้ง… มูฟออนก่อนธุรกิจเจ๊ง !

OneDee blog

สวัสดีครับ ! ในช่วงหลายปีนี้เรามักจะเห็นข่าวคราวธุรกิจทยอยปิดกิจการ เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย แน่นอนว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดวิกฤตินี้หรอกครับ เพราะธุรกิจไม่ใช่หนังและเพื่อให้ธุรกิจมูฟออนก้าวต่อได้ เรามาเช็กสัญญาณเสี่ยงเจ๊งฉบับเบื้องต้นที่ต้องทิ้งก่อนธุรกิจไปไม่รอด

จะต้องฮาวทูทิ้งอย่างไรให้รอดในยุคนี้ มาเช็กกันครับกับ 6 สิ่งต้องทิ้งก่อนกิจการของคุณเจ็บตัวมากกว่านี้

1.ลงทุนเยอะกว่ากำไร

สัญญาณเตือนธุรกิจไม่รอดที่เห็นชัดคือ ลงทุนราวกับถมที่แต่กำไรริบหรี่แทบมองไม่เห็น เป็นอีกสัญญาณเตือนธุรกิจไม่รอดที่เห็นชัดเจนมาก ๆ หากสิ้นเดือนไม่มีเงินเดือนจ่ายพนักงาน เพราะต้องเอาเงินไปลงทุนโน้นนี้ สถานะการเงินเริ่มตึงมือไม่ต่างจากอารมณ์ที่ตึงเครียด แบบนี้ต้องทิ้งครับ ค่อย ๆ ลงทุนเมื่อเห็นโอกาสทำกำไรจะดีกว่า

ตัวอย่างธุรกิจโปรยเงินจนแทบไม่เห็นกำไรเช่น ธุรกิจสตาร์ทอัพจากอเมริกาอย่าง WeWork (วีเวิร์ค) เปิดบริการให้เช่าสำนักงานให้เช่าออฟฟิศกว่า 32 แห่งทั่วโลก เพิ่งปลดพนักงานอย่างน้อย 2,400 คนเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา เพื่อลดค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้างบริษัทฯ ให้ฟิตขึ้น เพราะขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่ WeWork เคยมีมูลค่าบริษัทสูงกว่า 47,000 ล้านดอลลาร์มาก่อน เพราะยิ่งลูกค้ามาเช่าเยอะขึ้น ก็ต้องลงทุนเช่าตึกเพิ่ม รวมทั้งมีภาระค่าเช่าพื้นที่ต้องจ่ายที่รออยู่ และยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมอยู่ด้วย เอาเป็นว่า ขอเล่าเรื่องราวฉบับย่อพอให้เข้าใจคอนเซปต์นะครับ

2.แข่งราคาอย่างเดียว

แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่แข่งลดราคายอมกันไม่ได้ ลดกระหน่ำเป็นอีกสัญญาณเตือนธุรกิจไม่รอด ส่วนหนึ่งอาจจะสร้างพฤติกรรมให้ลูกค้ารู้สึกอยากซื้อเมื่อลดราคาเท่านั้น ไม่ลดไม่ซื้อ เอาเป็นว่าลองปรับใหม่หันมาทำแคมเปญการตลาดอื่น ๆ เช่น การให้สิทธิพิเศษ ทดแทนการลดราคาจะดีกว่าเยอะ

3.ระบบบริหารทีมที่ไม่ชัดเจน 

ต้องยอมรับนะครับว่า ระบบการบริหารคน บริหารทีมเนี้ยะสำคัญมาก ๆ ห้ามละเลยเด็ดขาด ขนาดสถานะที่ไม่ชัดเจนเรายังเจ็บปวดหัวใจ แล้วการบริหารทีมงานแบบเลื่อนลอย อยู่ไปวัน ๆ ไร้ระบบจะปวดร้าวขนาดไหน คิดจะตอกบัตรเข้างานพนักงานก็งงที พูดคุยประสานงานก็ยากลำบากเหมือนอยู่กันคนละภพละชาติ จัดตารางทำงานก็ยุ่งยากไม่ลงตัว สิ้นเดือนก็ต้องมาสรุปว่าใครลาเท่าไหร่ ขาดยังไง เบิกค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ไหนจะต้องมานั่งทำเงินเดือนอีก

โอ้! ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็เสียเวลาสร้างทีมคุณภาพนะครับ เปลี่ยนมาใช้ระบบช่วยบริหาร เปลี่ยนเวลาไปเทรนพนักงานให้มีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มยอดขายน่าจะดีกว่าเยอะ 

เอาเป็นว่า ที่เคยทำแบบเดิมทิ้งเถอะครับ ระบบการทำงานแบบ Manual แบบใช้คนอย่างเดียว มาลองเปิดใจหาตัวช่วยใหม่ ๆ อย่าง แอปพลิเคชันคุยงานทำงานเป็นทีมอย่าง Onedee.ai ที่ใช้งานง่ายมีฟีเจอร์หลากหลาย ได้แก่

  • แอปตอกบัตรพนักงาน ช่วยลงเวลาเข้างานออนไลน์ด้วยใบหน้าผ่านแอปพลิเคชัน 
  • บริการจัดการวันลาผ่านออนไลน์ ขอลางานได้เลยไม่ต้องยุ่งยาก แถมอนุมัติได้ทันที
  • รองรับผู้อนุมัติได้หลายระดับ สบาย ๆ ไม่ต้องกังวลใจ
  • สรุปรายงานชั่วโมงการทำงานของพนักงานได้เลย ไม่ต้องเหนื่อยทำรายงานให้ตาลาย ส่งไฟล์ CSV (Excel) มาให้ทันที
  • มี AI Chatbot เป็นผู้ช่วยแผนกทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งจะช่วยประสานงานแทนได้ตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่ต้องเหนื่อย
  • สร้างแบบฟอร์มเอกสารได้ตามใจคุณ ไม่จำกัดรูปแบบ เคยใช้เอกสารแบบไหนใช้ต่อได้ไม่ต้องกังวลใจ
  • จัดการตารางกะทำงาน แจ้งให้พนักงานทราบได้ทันทีแบบไม่มีตกหล่น 
  • แชทคุยงานเป็นทีมก็ได้ด้วย แยกเรื่องงานกับเรื่องชีวิตไม่ต้องใช้ไลน์ (Line) ให้สับสน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เยอะ
  • มีระบบเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ช่วยออกรายงานเงินเดือน เป็นสลิปแบบออนไลน์ ช่วยประหยัดกระดาษลดโลกร้อนไปอีก

สามารถโหลดได้ทั้งบน Android และ iOS ใช้ได้ทั้งการเข้างานแบบปกติทั่วไป และการเข้างานแบบไม่ต้องเข้าออฟฟิศ “Work at home” ก็ได้นะคร้าบ

4.การสื่อสารภายในไม่มีประสิทธิภาพ

อย่างที่เล่าไว้ตั้งแต่ข้อก่อนหน้านี้ หากขาดการสื่อสารระหว่างทีมก็เป็นอีกสัญญาณเตือนธุรกิจไม่รอดเหมือนกัน เพราะคนเราต้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคม การทำงานก็เช่นกัน จะต้องมีระบบช่วยให้การสื่อสารชัดเจน บรีฟงานชัด พูดคุยได้ เช็กข้อมูลง่าย จะได้ทำงานได้แบบไม่สะดุดไงล่ะครับ สมัยนี้มีแพลตฟอร์มช่วยประสานงานให้เลือกหลากหลายเลยล่ะ

5.พนักงานลาออกเก่ง

อัตราการลาออกของพนักงานที่สูงปริ๊ดเกินกว่าปกติก็ส่อสัญญาณเตือนธุรกิจไม่รอดเหมือนกันครับ แม้จะส่งผลกระทบไม่มากเห็นภาพไม่ชัดเจนนัก แต่อย่าลืมว่า บริษัทจะอยู่ได้ต้องมีพนักงานที่ดีและเข้าใจการทำงาน หากเกิดวิกฤตการณ์สมองไหล พนักงานย้ายออกเพราะทำงานไปก็ไม่โต ขอเติบโตที่อื่น แบบนี้เหนื่อยแน่ ๆ

ลองนึกภาพตามว่าหากองค์กรต้องสอนพนักงานใหม่ตลอดเวลา ลาออกทุกเดือน ต้องหาใหม่ทุกเดือน เจอวนไปแบบนี้ “ไม่เวิร์คแน่” ทิ้งเถอะครับ ลองปรับการบริหารจัดการ และลองตรวจเช็กองค์กรเพื่อหาทางออก พร้อมกับมองหาพนักงานที่ใช่สำหรับองค์กรเราจะดีที่สุดครับ

6.ละเลยไม่ค่อยเอาใจใส่พนักงาน

พนักงานก็มีหัวใจนะครับ หากปล่อยปละละเลยให้พนักงานแก้ปัญหาที่ยากเย็นจนแทบหมดหนแรง แม้จะยื่นขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีใครช่วย เลือกเพิกเฉยไม่แยแสกับปัญหาการทำงานที่พนักงานพบเจอ ตรงนี้ส่อสัญญาณอันตรายกับธุรกิจอยู่นะครับ

ถามว่าเราจะเช็กได้อย่างไรว่ากำลังทิ้งให้ทีมเคว้งคว้าง ตรงนี้แนะนำให้ใช้ใจในการสำรวจครับว่า ตอนนี้เราดูแลพนักงาน หรือลูกน้องของเราได้ดีแค่ไหน ตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นต้องการความช่วยเหลืออยู่หรือไม่ พร้อมกับสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี เกื้อหนุนให้การทำงานราบรื่น มีกิจกรรมธุรกิจบ้างบางโอกาสสำคัญ เพื่อให้พนักงานรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับองค์กร ซึ่งจะช่วยลดอัตราการลาออกได้ด้วยนะ
เพราะการโยนทิ้งสิ่งที่เคยทำมานานไม่เหมือนกับทิ้งของ เอาเป็นว่า มูฟออนเถอะก่อนธุรกิจจะไปไม่รอด ! ผมเตือนแล้วนะ “ทิ้งได้ก็ทิ้งเถอะ”

อ้างอิง : allbusiness.com, bangkokbiznews.com, wework.com

บทความอื่นๆ

อัปเดต ค่าลดหย่อนภาษี 2566 มนุษย์เงินเดือนเช็คให้ดีก่อนยื่น!

อัปเดต ค่าลดหย่อนภาษี 2566 มนุษย์เงินเดือนเช็คให้ดีก่อนยื่น!

ใกล้สิ้นปีแบบนี้เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนหลายๆ คนคงมีคำถามเป็นเสียงเดียวกันว่า ใกล้จะต้องจ่ายภาษีแล้ว “สามารถลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง?”...

อ่านเพิ่มเติม
Share This