หากคำกล่าวที่ว่า งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข เป็นจริงแล้วละก็ งานที่ไม่ใช่ ทำไป ก็คงไร้ความสุข ก็คงจะเป็นคำกล่าวที่ดูจะไม่เกินจริงจนเกินไป เพราะการที่เราจะเลือกงานอะไรซักอย่างนั้น ก็คงใช้เวลาคิดที่นานพอสมควร ซึ่งผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรจะมองข้ามทิ้งไปเพื่อจะให้ที่ทำงานของเรานั้นน่าอยู่ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของวัฒนธรรมองค์กรครับ
เพราะวัฒนธรรมองค์กร (Corporate culture) นั้นก็คงจะเปรียบเสมือนแนวทาง หรือ ขนบธรรมเนียมที่คนในองค์กรใช้ปฏิบัติกันมาเพื่อที่จะทำให้คนในบริษัทซึมซับสิ่งที่คล้ายคลึงกัน และส่งผลให้เราเรียนรู้ที่จะมุ่งไปสู้เป้าหมายเดียวกันขององค์กร และวันนี้ผมจะมาแนะนำว่าที่ทำงานแบบไหนเป็นสิ่งที่พนักงานควรจะได้รับบ้างในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วเช่นนี้ นอกเหนือจากสวัสดิการปกติแล้ว ควรจะมีอะไรไปดูกันเลยครับ
นวัตกรรมที่ใช่ คนในองค์กรแฮปปี้
พอพูดถึงเรื่องของนวัตกรรมก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในบริษัท ซึ่งก็ต้องถูกออกแบบมาเพื่อให้พนักงานเองหรือแม้กระทั่งผู้บริหาร มีความสะดวกสบายมากขึ้นในการทำงาน เพื่อที่จะลดลักษณะงานบางอย่าง แล้วไปเพิ่มประสิทธิภาพให้กับงานบางอย่างที่เราอาจจะต้องใช้เวลาโฟกัสเป็นพิเศษ ซึ่งสิ่งที่พูดนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของแอปพลิเคชั่นต่างๆ เช่น แอปลงเวลา, แอปVideo conference, แอปที่ช่วยในการจัดเก็บและจัดประเภทของอีเมลล์ อย่างนี้เป็นต้น หรือแม้กระทั่งเรื่องของ Internet of Things (IoT) ซึ่งอธิบายแบบคร่าวๆ ก็คือการทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้าสู่เครือข่ายหรือเชื่อมอินเทอร์เน็ตได้นั่นเองครับ
ง่วงก็งีบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้
หลาย ๆ องค์กรที่เป็นบริษัทเทคโนโลยี หรือ บริษัทสมัยใหม่ ต่างก็บอกว่ามีที่ให้พนักได้พักผ่อนกัน ไม่ว่าจะเป็นโซนออกกำลังกาย ตีปิงปองบ้าง หรือเล่นโยคะบ้าง ซึ่งบางที่ก็มีบอร์ดเกมให้เล่นด้วย และที่หลายแห่งพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยก็คือ มุมสำหรับงีบ หรือ ว่านอนนั่นละครับ และถ้าให้พูดถึงเรื่องของประวัติศาสตร์การนอนนั้นก็คงจะยาวไปเพราะเท่าที่รู้กันว่าในอดีตเราไม่ได้มีการนอนเพียง 2 ครั้งต่อวัน เพราะช่วงเวลาที่เราเริ่มนอนกันนี้ก็พึ่งจะเกิดขึ้นในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมนี่เอง ที่คนส่วนใหญ่เริ่มทำอะไรเป็นระบบ กินข้าวเป็นเวลาเห็นไหมครับเดี๋ยวจะยาวถ้าพูดเรื่องประวัติศาสตร์ ดังนั้นจากที่เราๆ ท่านๆ เคยทราบมาจากงานวิจัยทางการแพทย์หลายๆ แห่งหรือกระทั่งเว็บไซต์วิชาการต่างประเทศอย่าง Scienceofpeople ที่ออกมารองรับละว่าการงีบในช่วงบ่ายซัก 15 – 20 นาที ส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากปกติครับ
เชื่อใจกัน อยู่ยาวไม่ผันแปร
หากคำกล่าวของ อาริสโตเติล (Aristotle) ที่บอกว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม (social animals) เพราะเขาเชื่อว่าคนเราก็ต้องมีพบปะพูดคุย ติดต่อสื่อสารกันซึ่งก็ไม่ผิดที่จะเป็นเช่นนั้น แต่พอมาในยุคที่มีการระบาดของโรคโควิด – 19 นั้นการทำงานก็คงจะยากขึ้นหากต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน จึงทำให้เกิด Work from Home หรือว่าทำงานที่บ้านซึ่งก็ต้องอาศัยความเชื่อใจขององค์กรเองด้วย เพราะเมื่อปล่อยให้พนักงานทำงานที่บ้านก็ต้องมั่นใจว่างานที่ทำก็ต้องมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากอยู่ที่ทำงาน ดังนั้นไม่ว่าจะพนักงานหรือองค์กรจึงต้อง Trust ซึ่งกันและกัน และยิ่งช่วงนี้ก็ต้องมีการ WFH กันมากขึ้นเนื่องจากสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ ดังนั้นองค์กรจึงต้องใส่ใจในเรื่องของ WFH เป็นพิเศษ เพื่อให้งานที่ทำที่บ้านมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากทำที่ออฟฟิศ
แต่งกายแบบฟรีสไตล์ ตามแต่ใจคุณปรารถนา
สิ่งแวดล้อมภายในที่ทำงานนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยครับ เพราะหากสภาพแวดล้อมดูเป็นพิษ (Toxic) ก็คงดูจะไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะสายงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์แล้วละก็ ยิ่งต้องจำเป็นครับ เพราะจะให้มาแต่งกายเป๊ะ ถูกระเบียบเรียบร้อยทุกวันก็คงจะไม่ใช่ และยิ่งคนในที่ทำงานมีการแต่งกายที่หลากหลาย ก็ส่งเสริมให้บรรยากาศในที่ทำงานดูเป็นมิตรมากขึ้น ทั้งยังส่งผลให้พนักงานอาจจะไม่เครียดมากเกินไปครับ แต่ในบางครั้งบางกรณีก็อาจจะคำนึงถึงเรื่องของกาลเทศะและความเหมาะสมด้วยอาจจะเป็นบางช่วงที่ต้องพบผู้ใหญ่หรือลูกค้าก็อาจจะแต่งตัวให้ดูเหมาะสมตามแต่สถานการณ์ไปครับ
Visionเด่น เห็นผลเร็ว
และสิ่งหนึ่งที่เมื่อเรามองไปยังองค์กรหนึ่ง ซึ่งก็คือเรื่องของวิสัยทัศน์ถ้าบริษัทมีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ว่าจะให้ทางบริษัทเองหรือพนักงานก็ตาม ถ้าเป้าหมายคมชัดพนักงานอย่างเราก็จะยิ่งมีความมั่นใจในองค์กรมากขึ้น ดังนั้น การที่ศึกษาวิสัยทัศน์ขององค์กรจึงเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลยละครับ
และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามไป เพราะถ้าวัฒนธรรมองค์กรแข็งแกร่ง ก็ส่งผลให้บริษัทเองมีความยั่งยืน ดังเช่น อะลีบาบา บริษัทอีคอมเมิร์ซของจีน ที่ แจ็ค หม่า ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ได้วางแผนและวางเป้าหมายได้ชัดเจน จนสามารถบอกกับทางบริษัทเองว่าองค์กรของเราจะมีอายุไปถึง 102 ปี และนี่ก็เป็นตัวอย่างที่ทรงพลังอย่างหนึ่งเลยละครับ ดังนั้น หากเราจะเลือกที่ทำงานหรือทำให้ที่ทำงานน่าอยู่นั้น ก็หวังว่าท่านผู้อ่านจะดูเรื่อง Corporate culture กันด้วยนะครับ
