แบบฟอร์มตารางการทำงาน สิ่งสำคัญขององค์กรสำหรับ HR ปี 2024

แบบฟอร์มตารางการทำงาน สิ่งสำคัญขององค์กรสำหรับ HR ปี 2024

ระบบลงเวลา

ในยุคที่การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR) กลายเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในองค์กรต่างๆ การมีระบบที่สามารถช่วยให้การจัดการเวลาการทำงานของพนักงานเป็นไปอย่างมีระเบียบและแม่นยำก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการนี้คือ “แบบฟอร์มตารางการทำงาน” หรือ “ตารางกะทำงาน” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ทั้ง HR และผู้ประกอบการสามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยในด้านการจัดสรรทรัพยากรบุคคล และการวางแผนการทำงานในองค์กรได้อย่างมีระบบอีกด้วย

ความสำคัญของตารางการทำงาน ในองค์กร

การจัดการเวลาทำงานของพนักงานเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินงานในองค์กร การใช้ แบบฟอร์มตารางการทำงาน หรือ ตารางกะทำงาน เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดระเบียบการทำงาน ทำให้สามารถตรวจสอบชั่วโมงการทำงานและผลการดำเนินงานได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังช่วยในการลดข้อผิดพลาดจากการจัดการเวลาของพนักงาน และทำให้การคำนวณค่าแรงค่าตอบแทนต่างๆ เป็นไปอย่างแม่นยำ

องค์ประกอบที่สำคัญในแบบฟอร์มตารางการทำงาน

ในการออกแบบ ตารางการทำงาน หรือ ตารางกะทำงาน ที่เหมาะสมและสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในองค์กร ควรมีองค์ประกอบดังนี้:

1. วันและเวลา

  • วันและเดือน: ต้องระบุวันและเดือนที่พนักงานทำงานเพื่อให้สามารถติดตามและตรวจสอบข้อมูลได้ง่าย
  • ช่วงเวลา: สำหรับตารางการทำงานในกรณีที่มีการแบ่งเป็นกะ (Shift) ควรระบุเวลาเริ่มงานและเวลาสิ้นสุดงานในแต่ละกะอย่างชัดเจน

2. ชื่อพนักงานและตำแหน่ง

  • ต้องมีการบันทึกชื่อพนักงานและตำแหน่ง เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ว่าแต่ละคนทำงานในช่วงเวลาใดบ้างและในหน้าที่อะไร
  • ช่วยให้ HR หรือผู้บริหารทราบว่าแผนกใดมีการทำงานขาดหรือเกินเวลามากน้อยเพียงใด

3. กะทำงาน (Shift)

  • ประเภทกะ: การทำงานอาจแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น กะเช้า, กะบ่าย, กะกลางคืน หรือกะพิเศษ ซึ่งสามารถระบุในตารางนี้ได้
  • จำนวนชั่วโมงที่ทำงาน: สำหรับแต่ละกะ ควรระบุชั่วโมงที่พนักงานทำงานจริง รวมถึงเวลาพัก (ถ้ามี) เพื่อคำนวณชั่วโมงการทำงานที่แท้จริง

4. หมายเหตุหรือข้อมูลเพิ่มเติม

  • หากมีการทำงานล่วงเวลา (OT) หรือมีการเปลี่ยนแปลงกะทำงาน ควรมีช่องให้บันทึกข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ HR สามารถติดตามได้
  • หมายเหตุ: เช่น การเปลี่ยนกะงานล่วงหน้า หรือการขาดงานเพื่อเหตุผลพิเศษ

5. การอนุมัติจากหัวหน้างาน

  • ในบางกรณี ลายเซ็นของหัวหน้างาน หรือการอนุมัติในตารางการทำงานเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ข้อมูลได้รับการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้อง โดยสามารถป้องกันข้อผิดพลาดจากการบันทึกข้อมูลได้

วิธีการสร้าง ตารางกะทำงาน อย่างมืออาชีพ

การสร้าง ตารางกะทำงาน ที่มีประสิทธิภาพต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและขั้นตอนการออกแบบที่รอบคอบ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่ายและตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

1. กำหนดข้อมูลที่ต้องการบันทึก

  • ก่อนที่จะเริ่มสร้าง ตารางกะทำงาน ควรกำหนดข้อมูลที่ต้องการบันทึกให้ชัดเจน เช่น ชื่อพนักงาน, วันที่ทำงาน, ช่วงเวลาการทำงาน, เวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดงาน, เวลาพัก, หมายเหตุเพิ่มเติม และการอนุมัติจากหัวหน้างาน
  • ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ HR สามารถติดตามและคำนวณชั่วโมงการทำงานได้อย่างแม่นยำ

2. เลือกเครื่องมือในการสร้างตาราง

การสร้าง ตารางกะทำงาน สามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือหลายประเภท เช่น:

  • โปรแกรม Excel หรือ Google Sheets: เครื่องมือเหล่านี้มีความยืดหยุ่นสูงในการสร้างตารางที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการ โดยสามารถใช้สูตรในการคำนวณชั่วโมงทำงานและโอทีได้อย่างง่ายดาย
  • โปรแกรม HR Management Systems (HRMS): หากองค์กรมีการใช้ซอฟต์แวร์บริหารทรัพยากรบุคคล ซอฟต์แวร์เหล่านี้มักมีฟังก์ชั่นที่ช่วยในการสร้างและจัดการตารางกะทำงาน รวมถึงการคำนวณค่าแรงและโอทีโดยอัตโนมัติ

3. ออกแบบตารางกะทำงาน

  • คอลัมน์หลัก: ควรมีคอลัมน์ที่ระบุข้อมูลสำคัญ เช่น วันที่, ชื่อพนักงาน, ประเภทกะ, เวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดงาน, เวลาพัก, ชั่วโมงทำงานรวม, หมายเหตุ, และการอนุมัติจากหัวหน้างาน
  • การคำนวณชั่วโมงทำงาน: สามารถใช้สูตรคำนวณใน Excel, Google Sheets หรือโปรแกรม HRM เพื่อหาชั่วโมงทำงานรวม เช่น คำนวณจากเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการทำงาน รวมถึงการหักเวลาพัก
  • การใช้สีหรือไอคอน: การใช้สีหรือไอคอนเพื่อทำเครื่องหมายสิ่งที่สำคัญ เช่น การทำงานล่วงเวลา หรือการเปลี่ยนแปลงกะ ช่วยให้การตรวจสอบข้อมูลง่ายขึ้น

4. การตรวจสอบและอนุมัติ

  • หลังจากที่ตารางกะทำงานถูกสร้างขึ้นแล้ว ควรให้ หัวหน้างาน หรือ ผู้จัดการ ตรวจสอบและ อนุมัติ ตารางนั้น โดยการลงลายเซ็นหรือการยืนยันผ่านระบบออนไลน์ เพื่อยืนยันว่าข้อมูลถูกต้อง

5. การติดตามและการปรับปรุง

  • หลังจากการอนุมัติและการจัดทำตารางกะทำงานแล้ว ฝ่าย HR ควรมีระบบในการติดตามผลการทำงานและชั่วโมงการทำงานของพนักงาน เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ว่ามีข้อผิดพลาดหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้น
  • หากพบข้อผิดพลาดหรือการเปลี่ยนแปลงในตารางกะทำงาน ควรมีการปรับปรุงและอัปเดตตารางให้ทันที เพื่อให้ข้อมูลในตารางเป็นปัจจุบันและถูกต้อง
วันที่ชื่อพนักงาน (Employee Name)ตำแหน่ง (Position)ประเภทกะ (Shift Type)เวลาเริ่มงาน (Start Time)เวลาหยุดพัก (Break Time)เวลาออกงาน (End Time)ชั่วโมงทำงานรวม (Total Hours Worked)หมายเหตุ (Notes)อนุมัติหัวหน้างาน (Supervisor Approval)
2024-11-01John Doeพนักงานขาย (Sales)กะเช้า (Morning Shift)08:00 AM12:00 PM – 01:00 PM05:00 PM8.00No OT[ลายเซ็นหัวหน้างาน]
2024-11-01Jane SmithHRกะบ่าย (Afternoon Shift)01:00 PM05:00 PM – 06:00 PM09:00 PM7.001 hour OT[ลายเซ็นหัวหน้างาน]
2024-11-02Peter Panการตลาด (Marketing)กะกลางคืน (Night Shift)09:00 PM02:00 AM – 03:00 AM06:00 AM9.00No OT[ลายเซ็นหัวหน้างาน]
2024-11-03Mary AnnITกะเช้า (Morning Shift)08:30 AM12:00 PM – 01:00 PM05:30 PM8.00No OT[ลายเซ็นหัวหน้างาน]
2024-11-04Tom Greenการเงิน (Finance)กะพิเศษ (Special Shift)07:00 AM12:00 PM – 01:00 PM04:00 PM8.00งานพิเศษ[ลายเซ็นหัวหน้างาน]
2024-11-04Susan Brownพนักงานรับโทรศัพท์ (Call Center)กะบ่าย (Afternoon Shift)01:30 PM06:00 PM – 07:00 PM10:00 PM8.5030 mins OT[ลายเซ็นหัวหน้างาน]

ประเภทตารางกะทำงาน: การจัดการกะรายสัปดาห์และรายเดือนอย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทตารางกะทำงาน มี 2 แบบ

ได้แก่ ตารางกะรายสัปดาห์ และ ตารางกะรายเดือน โดยแต่ละประเภทนั้นมีข้อดีและการใช้งานที่แตกต่างกัน

1. ตารางกะทำงานรายสัปดาห์ (Weekly Shift Schedule)

ตารางกะรายสัปดาห์เป็นประเภทตารางที่มีการแบ่งเวลาทำงานของพนักงานเป็นสัปดาห์ต่อสัปดาห์ โดยแต่ละพนักงานจะได้รับการหมุนเวียนกะทำงานในแต่ละวัน หรือทำงานตามเวลาที่กำหนดในแต่ละสัปดาห์ การจัดตารางกะรายสัปดาห์มีข้อดีในด้านการจัดการที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการขององค์กรหรือพนักงาน

ลักษณะของตารางกะรายสัปดาห์:

  • ระยะเวลา: ทำงานในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ (7 วัน)
  • การหมุนเวียนกะ: พนักงานจะทำงานในกะต่าง ๆ ตามที่กำหนด เช่น กะเช้า, กะบ่าย, หรือกะกลางคืน ซึ่งสามารถหมุนเวียนกันได้
  • จำนวนชั่วโมงทำงาน: กำหนดจำนวนชั่วโมงการทำงานที่แน่นอน เช่น 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ตัวอย่างตารางกะรายสัปดาห์:

วัน/สัปดาห์ชื่อพนักงานกะทำงานเวลาเริ่มต้นเวลาเสร็จสิ้นชั่วโมงทำงานหมายเหตุ
จันทร์สมชายกะเช้า06:00 น.14:00 น.8 ชั่วโมง
อังคารสมชายกะบ่าย14:00 น.22:00 น.8 ชั่วโมง
พุธสมชายกะกลางคืน22:00 น.06:00 น.8 ชั่วโมง

ข้อดีของตารางกะรายสัปดาห์:

  • การหมุนเวียนกะที่ยืดหยุ่น: การหมุนเวียนกะทำงานในแต่ละสัปดาห์ช่วยให้พนักงานสามารถปรับตัวได้ง่าย
  • สามารถวางแผนล่วงหน้าได้: ช่วยให้ HR และพนักงานสามารถวางแผนตารางเวลาได้ล่วงหน้า ทำให้การจัดการงานมีความชัดเจน
  • เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงกะบ่อย: เช่น อุตสาหกรรมการผลิต, ธุรกิจบริการที่ต้องการให้พนักงานทำงานในหลายกะ

2. ตารางกะทำงานรายเดือน (Monthly Shift Schedule)

ตารางกะทำงานรายเดือนนั้นช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนการทำงานของพนักงานได้ในระยะยาว โดยจะกำหนดตารางกะของพนักงานในแต่ละเดือน การจัดตารางกะในลักษณะนี้มักใช้ในองค์กรที่ต้องการรักษาความสม่ำเสมอในกะทำงานของพนักงานและไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย

ลักษณะของตารางกะรายเดือน:

  • ระยะเวลา: กำหนดตารางการทำงานในระยะเวลาหนึ่งเดือน
  • การหมุนเวียนกะ: โดยทั่วไปแล้ว จะกำหนดการทำงานในแต่ละกะไว้ตลอดทั้งเดือน พนักงานอาจทำงานกะเดียวตลอดทั้งเดือน หรือมีการหมุนเวียนในบางกรณี
  • จำนวนชั่วโมงทำงาน: ตกลงในชั่วโมงการทำงานรวมตลอดทั้งเดือน เช่น 160 ชั่วโมงต่อเดือน

ตัวอย่างตารางกะรายเดือน:

วัน/เดือนชื่อพนักงานกะทำงานเวลาเริ่มต้นเวลาเสร็จสิ้นชั่วโมงทำงานหมายเหตุ
1-5 ก.ค. 2024สมชายกะเช้า06:00 น.14:00 น.40 ชั่วโมง
6-10 ก.ค. 2024สมชายกะบ่าย14:00 น.22:00 น.40 ชั่วโมง
11-15 ก.ค. 2024สมชายกะกลางคืน22:00 น.06:00 น.40 ชั่วโมง

ข้อดีของตารางกะรายเดือน:

  • การวางแผนระยะยาว: พนักงานสามารถวางแผนเวลาของตนได้ล่วงหน้าหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
  • คำนวณค่าแรงได้แม่นยำ: การคำนวณค่าแรงจากชั่วโมงทำงานทั้งหมดในเดือนมีความแม่นยำมากขึ้น
  • เหมาะสำหรับองค์กรที่มีตารางงานคงที่: เช่น องค์กรที่ไม่มีความต้องการเปลี่ยนแปลงกะทำงานบ่อย ๆ หรือพนักงานที่ทำงานในลักษณะเดิมตลอดทั้งเดือน

การเลือกใช้ตารางกะทำงานที่เหมาะสม

ทั้งตารางกะทำงานรายสัปดาห์และรายเดือนต่างมีข้อดีและการใช้งานที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทขององค์กร ซึ่ง HR ควรพิจารณาจากลักษณะของงานและความต้องการของพนักงาน เพื่อเลือกใช้ตารางกะที่ตอบโจทย์การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ตารางกะรายสัปดาห์ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดตารางกะ และสามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของพนักงาน
  • ตารางกะรายเดือน เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความคงที่และการวางแผนระยะยาวในการจัดการกะทำงาน

การเลือกประเภทของตารางกะทำงานที่เหมาะสมกับองค์กรจะช่วยให้การจัดการพนักงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาการขาดแคลนหรือการทำงานเกินเวลา และส่งผลต่อการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของทีมได้อย่างยั่งยืน

ดาวน์โหลดตารางกะทำงาน แบบฟอร์มตารางการทำงาน จาก OneDee ได้เลย

เลือกใช้ OneDee วันนี้ ทดลองใช้ฟรี! พร้อมรับประโยชน์มากมายสำหรับ HR ด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลายครบในระบบเดียว เช่น ระบบเงินเดือน, ระบบจัดกะตารางงาน, ระบบลงเวลาทำงาน, ระบบแบบฟอร์มคำขอ, ระบบลางาน, ระบบแชทคุยงาน, ระบบมอบหมายงาน, ปฏิทินวันหยุด

บทความอื่นๆ

ดูรายงานในระบบ HR: ข้อมูลครบ ใช้งานง่าย ส่งต่อผู้บริหารหรือคิดเงินเดือนได้ทันที

ดูรายงานในระบบ HR: ข้อมูลครบ ใช้งานง่าย ส่งต่อผู้บริหารหรือคิดเงินเดือนได้ทันที

หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญของระบบ HR ที่ไม่ควรมองข้าม คือ “รายงาน” เพราะข้อมูลจากการลงเวลา, ลางาน, โอที หรือแม้แต่ฟอร์มเอกสารต่าง ๆ...

อ่านเพิ่มเติม
ระบบลงเวลาสำหรับองค์กรยุคใหม่ — ใช้งานง่าย ครอบคลุมทุกการทำงาน

ระบบลงเวลาสำหรับองค์กรยุคใหม่ — ใช้งานง่าย ครอบคลุมทุกการทำงาน

ทุกวันนี้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ไม่ใช่แค่ต้องนั่งประจำโต๊ะตอกบัตรตอนเช้าเหมือนเมื่อก่อน พนักงานบางคนอาจต้องทำงานจากบ้าน...

อ่านเพิ่มเติม
Share This