ช่วงต้นปีแบบนี้เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนหลายๆ คนคงมีคำถามเป็นเสียงเดียวกันว่า จะต้องจ่ายภาษีแล้ว “สามารถลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง?” ซึ่งในวันนี้เรามาอัพเดทพร้อมๆ กันเลยดีกว่าครับ ว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราเข้าค่าย มีโอกาสสามารถลดหย่อนภาษีอะไรกันได้บ้าง โดยจะแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม
1. ค่าลดหย่อนเกี่ยวกับตัวเองและ ครอบครัว
- สามารถลดหย่อนส่วนบุคคล ได้คนละ 60,000 บาททันทีที่ยื่นแบบแสดงรายได้
- สามารถลดหย่อนได้ 60,000 บาท จากคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ (คู่เราต้องจดทะเบียนสมรสเท่านั้น)
- สามารถลดหย่อนบุตร ได้ 30,000 บาท (บุตรคนแรก)
- สามารถลดหย่อนบุตรคนที่ 2 ขึ้นไป ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 ได้ค่าลดหย่อนเพิ่มอีก 30,000 บาท
- ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร สามารถลดหย่อนได้สูงสุดปีละ 60,000 บาท และหากภรรยาไม่มีเงินได้ สามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
- สามารถลกหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา (ต้องอายุ 60 ปีขึ้นไป) ได้คนละ 30,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 4 คน (รวมพ่อแม่ของคู่สมรส) แต่หากมีพี่น้องของเราใช้สิทธิ์ไปแล้ว เราจะไม่สามารถใช้สิทธิตรงนี้ได้
- ค่าอุปการะคนพิการ หรือ คนทุพพลภาพ สามารถลดหย่อนได้ 60,000 บาทต่อคน
2. ค่าลดหย่อนกลุ่มประกัน เงินออมและ การลงทุน
- ประกันสังคม สามารถลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาทต่อปี
- เบี้ยประกันชีวิต สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพ สามารถหักลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท แต่เมื่อรวมกับประกันชีวิตแล้วจะต้องไม่เกิน100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาสามารถลดหย่อนได้สูงสุดที่ 15,000 บาท
- ประกันชีวิตคู่สมรส หากคู่สมรสไม่มีเงินได้สามารถลดหย่อนได้ 10,000 บาท
- เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15% ของรายได้และไม่เกิน 490,000 บาทจะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องนำไปคำนวณภาษี
- เงินสะสม กอช. สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 13,200 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้และต้องไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และ RMF จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- NEW ซื้อ LTF สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท และจะต้องซื้อและถือครองไว้อย่างน้อย 7 ปี
- NEW ซื้อ RMF สามารถใช้ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และต้องลงทุนต่อเนื่องจนถึงอายุ 55 ปี
3. ค่าลดหย่อนด้านอสังหาริมทรัพย์
- ลดหย่อนดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย สำหรับผู้ที่กู้เงินซื้อบ้านหรือคอนโด สามารถนำดอกเบี้ยที่จ่ายไปมาลดหย่อนได้ตามจริงได้สูงสุด 100,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีโครงการบ้านหลังแรก ปี 2558 ในกรณีที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท สามารถนำราคาบ้านมาลดหย่อนได้ปีละ 4% ได้เป็นระยะเวลา 5 ปี รวมแล้ว 20%
- ลดหย่อนภาษีโครงการบ้านหลังแรก ปี 2562 สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถนำมาลดหย่อนได้สูงสุดที่ 200,000 บาท
4. ค่าลดหย่อนพิเศษตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ซื้อสินค้าด้ารการศึกษาและกีฬา ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาท
- ซื้อหนังสือ ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาท
- ซื้อสินค้าโอทอป ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาท
- ท่องเที่ยวเมืองหลักลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาท ท่องเที่ยวเมืองรองลดหย่อนได้สูงสุด 20,000 บาท (แต่รวมกันทั้งเที่ยวเมืองหลักและเมืองรองสามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 20,000 บาท)
- ค่าซ่อมบ้านหรือรถ กรณีประสบภัยจากพายุปาบึก พายุโพดุล พายุคาจิกิ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ สามารถลดหย่อนได้ตามค่าใช้จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนซ่อมรถไม่เกิน 30,000 บาท
- NEW ช้อปดีมีคืน หรือ ค่าซื้อสินค่าและบริการภายในประเทศ ลดหย่อนได้สุงสุด 30,000 บาท (สำหรับการใช้จ่ายระหว่าง 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563) หากใช้สิทธิโครงการ คนละครึ่ง จะไม่สามารถใช้สิทธินี้ได้
5. ค่าลดหย่อนเงินบริจาค
- เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา, สถานพยาบาลของรัฐ, สนับสนุนการกีฬา และเงินบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆสามารถนำมาหักได้ 2 เท่า ตามที่จ่ายจริงแต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 10% ของรายได้พึ่งประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว
- เงินบริจาคช่วยเหลืออุทกภัยน้ำท่วมจากพายุปาบึก ลดหย่อนได้ตามที่บริจาคจริง
- เงินบริจาคทั่วไป ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย
- เงินบริจาคให้พรรคการเมือง ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ หลังเช็คแล้วว่าสามารถลดหย่อนภาษีด้านใดได้บ้าง ก็อย่าลืมเตรียมเองสารให้พร้อม แล้วเตรียมตัวไปเสียภาษีกันได้เลย !!