5 HR Trend มาแรง น่าจับตามองในปี 2021


OneDee blog

ในขณะที่วิกฤติ COVID-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อแรงงานทั่วโลกในปี 2020 ส่งผลให้หัวหน้าและแผนก HR ต้องกลับมาทบทวนวิธีการในการบริหารจัดการบุคลากรเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับปีถัดไป เนื่องจากวิถี New Normal ส่งผลให้เทรนด์ HR เกิดขึ้นใหม่มากมาย และนี่ก็คือ 5 เทรนด์ HR สำคัญที่บริษัทควรคำนึงไว้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการก้าวข้ามผ่านวิกฤต สร้างการมีส่วนร่วมที่ดีกับพนักงาน (Employee Engagement) และทำให้ธุรกิจเติบโตต่อไปในปี 2021

1. HR ต้องให้ความสำคัญกับการสื่อสารแบบ Digital พร้อมต้อนรับพนักงานใหม่แบบ New Normal 

เป้าหมายหลักของแผนก HR คือการดูแลและช่วยเหลือบุคลากรขององค์กร ในขณะที่ธุรกิจต่างก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับยุค new normal พนักงานส่วนมากจึงต้องการการดูแลและได้รับความช่วยเหลือจาก HR มากกว่าที่เคย บทบาทของ HR ในช่วงที่ผ่านมาจึงได้มีการขยายออกไปมากกว่าแค่การจ้างงาน 

ตัวอย่างการปรับตัวในการจ้างงานและต้อนรับพนักงานใหม่แบบ New Normal ที่ฝ่าย HR จะต้องเตรียมพร้อม เช่น :

  • การสัมภาษณ์และการประเมินทักษะของผู้สมัครด้วยช่องทางออนไลน์
  • การคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสามารถ Work from home ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การถ่ายทอดวัฒนธรรมองค์กรเมื่อมีการจ้างงานและฝึกอบรมด้วยช่องทางออนไลน์

กว่า 80% ของคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานจากระยะไกล (Work from home) กล่าวว่าการสื่อสารกันภายในองค์กรช่วยทำให้พวกเขารู้สึกมีความมั่นใจกับการตัดสินใจมากขึ้นในช่วงวิกฤติ

2. การให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพนักงาน

ต้องยอมรับว่าความเครียด และความเหนื่อยล้าจากการทำงาน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความสามารถในการทำงานลดน้อยลง แผนก HR จำนวนมากจึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนากลยุทธ์ระยะยาวเพื่อดูแลสุขภาพจิตแก่พนักงาน ซึ่งกลยุทธ์เหล่านั้นจะถูกบอกเล่าไปยังผู้สมัครตั้งแต่ขั้นตอนในการสัมภาษณ์งาน และอาจจะกลายเป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญที่จะดึงดูดผู้สมัครได้อีกด้วย

ตัวอย่างการให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิต เช่น :

  • มีเวลาให้กับพนักงาน, แสดงความเห็นอกเห็นใจ : พนักงานมีโอกาสที่จะประสบปัญหาทางด้านสุขภาพจิต เช่น รู้สึกเครียดกับการทำงาน หรือเป็นกังวลกับบทบาทภายในบริษัท แผนก HR ควรให้ความสนใจในเรื่องนี้ สามารถที่จะให้เวลากับพนักงานเพื่อช่วยเหลือในการจัดการกับความเครียด และให้คำตอบกับคำถามต่าง ๆ ที่พนักงานมีได้
  • เพิ่มสวัสดิการในการดูแลสุขภาพจิตให้แก่พนักงาน : จัดหานักจิตวิทยาให้คำปรึกษาเข้าให้คำปรึกษาพนักงานอย่างสม่ำเสมอ หรือการจัด Group Counseling ที่เป็นกิจกรรมเพื่อสร้าง community ของเพื่อนช่วยเพื่อนในที่ทำงาน

3. ใช้ข้อมูลเชิงลึกในการบริหารพนักงานมากขึ้น (Data-Driven) ก้าวเข้าสู่ HR Tech บริหารจัดการพนักงานผ่านออนไลน์

ในขณะที่พนักงานที่ต้อง Work from home มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นจากการระบาดของ COVID-19 บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยให้สามารถเข้าถึงประสิทธิภาพและติดตามการทำงานของพนักงานจากระยะไกลให้ได้ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าพนักงานจะยังคงสามารถทำงานได้ตามเป้าหมาย

16% ของพนักงานที่ใช้เทคโนโลยี ช่วยให้พวกเขาสามารถติดตามการสื่อสารภายในองค์กร รวมถึงการตอกบัตรเข้าออกผ่านช่องทางออนไลน์ สะดวก

ส่งผลให้ในปี 2021 HR Tech จะเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากการลงเวลาเข้า-ออกงานผ่านมือถือ หรือขอลางานผ่านออนไลน์แล้ว HR ก็ยังสามารถจัดกะการทำงานให้พนักงานได้ รวมไปจนถึงการออกเงินเดือน ทุกงาน HR จึงสามารถจัดการได้ในแอปเดียว นอกจากความรวดเร็วและสะดวกในการบริหารพนักงงานแล้ว ยังถือเป็นผู้ช่วยสำคัญที่จะคอยตอบคำถามให้กับพนักงานแทน HR ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เช่น โควต้าวันลาเหลือกี่วัน ขอสลิปเงินเดือน และ สวัสดิการต่างๆ เป็นต้น ช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับพนักงาน และลดปัญหาการตอบคำถามซ้ำๆ ให้กับ HR อีกด้วย

สิ่งสำคัญที่ HR ได้มา คือ ข้อมูลของพนักงานที่ระบบมีการจัดทำออกมาเป็นรายงาน ช่วยคำนวณขาด ลา มาสาย ของพนักงานให้อัติโนมัติ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วย HR ในการประเมินผลพนักงาน รวมไปถึงสามารถช่วยในการวางแผนการการบริหารพนักงานในระยะยาวต่อไป ถือเป็นการใช้ข้อมูลเชิงลึกในการบริหารพนักงานมากขึ้น (Data-Driven) ก้าวเข้าสู่ HR Tech บริหารจัดการพนักงานผ่านออนไลน์ในยุคดิจิทัล

4. การเพิ่มขึ้นของ Fluid Workforce / Freelance

เป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า COVID-19 ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจอย่างมากซึ่งทำให้พนักงานจำนวนมากต้องออกจากงาน ทำให้บริษัทต้องกลับมาพิจารณารูปแบบในการจ้างงานและบริหารจัดการบุคลากร

การจ้างงานในรูปแบบสัญญาว่าจ้างระยะสั้นหรือฟรีแลนซ์ทำให้ผู้ว่าจ้างมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการจ้างงานและบริหารจัดการกับบุคลากร องค์กรจำนวนมากได้เพิ่มการว่าจ้างในรูปแบบสัญญาระยะสั้น โดยนำมาทดแทนการจ้างงานแบบพนักงานประจำมากถึง 32% เพื่อลดต้นทุน

ดังนั้น Fluid workforce คือเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2021 แผนก HR จึงต้องให้ความสำคัญกับการดึงดูดฟรีแลนซ์หรือพนักงานระยะสั้น นอกจากนี้ HR จะต้องเตรียมความพร้องที่จะจัดการเรื่องต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น จะวัดผลและให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่กลุ่มที่ไม่ได้เป็นพนักงานประจำของบริษัทในรูปแบบใด

Fluid workforce คือเทรนด์ที่จะดำเนินต่อไป ตามที่ Peter Miscovich กรรมการผู้จัดการของ JLL Consulting ได้กล่าวไว้ กว่า 80% ของแรงงานจะทำงานในรูปแบบฟรีแลนซ์ในปี 2030

5. สร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ ให้กับพนักงาน (Employee Experience)

การสำรวจการมีส่วนร่วมของพนักงานรูปแบบเดิม โดยที่แผนก HR เป็นคนกระจายกระดาษไปให้ยังทีมต่าง ๆ และพยายามที่จะวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์จากคำตอบเหล่านั้นด้วยความยากลำบากนั้นกำลังจะตกยุคแล้ว นอกจากจะเป็นการเปลืองทรัพยากรกระดาษแล้ว พนักงานเองก็ให้ความร่วมมือน้อยเพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวก และต้องเขียนตอบคำถามหลายๆ ข้อ

HR จึงหันมาใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้พวกเขาสามารถที่จะเพิ่มการสื่อสารภายในองค์กร และเข้าถึงพนักงานได้ง่ายยิ่งขึ้น สร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ ให้กับพนักงานในยุค New Normal ซึ่งช่วยให้สามารถเก็บ feedback รับฟังความคิดเห็นจากพนักงานได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะพนักงานสามารถส่งแบบสอบถามต่างๆ ผ่านมือถือของตัวเองได้เลย สะดวก อีกทั้งการ Work frome home ที่มีแนวโน้มว่าอาจจะกลายเป็นข้อปฏิบัติในระยะยาว ซึ่งถือเป็นการทำงานในรูปแบบใหม่ที่พนักงานอาจจะยังไม่คุ้นชิน การเก็บ feedback จึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การใช้แอปพลิเคชันเพื่อเป็นผู้ช่วยในการเข้าถึงพนักงานจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ HR จะคำนึงถึง

บริษัท McKinsey พบว่าความยืดหยุ่นที่มากับการทำงานทางไกลทำให้พนักงานในสหรัฐมีสุขภาวะและมีการส่วนร่วมที่ดีขึ้น

ในทางกลับกัน McKinsey ก็พบว่ากว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่สำรวจกล่าวว่าโรคระบาดส่งผลกระทบกับชีวิตการทำงานเป็นอย่างมาก แผนก HR จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเห็นภาพว่าพนักงานถูกกระทบในรูปแบบใดบ้างด้วยเครื่องมือ engagement ต่าง ๆ และการสำรวจเกี่ยวกับบริษัทในปี 2021 นี้ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้เพื่อกำหนดประสบการณ์ของพนักงานและวัฒธรรมองค์กรที่เป็นเฉพาะตัวของแต่ละองค์กร

และสำหรับใครที่อยากรู้ว่าเทรนด์ปี 2022 เหมือน หรือแตกต่างจากปี 2021 ยังไง มีอะไรอัพเดทบ้าง ก็สามารถติดตามอ่าน HR Trend 2022 ได้ที่ รวม HR Trend 2022 ที่ HR ต้องรู้ เพื่อบริหารคนให้เก่ง เสริมความเเกร่งให้องค์กร

การก้าวเข้าสู่บทใหม่ของเทรนด์ HR ปัจจุบัน

ในขณะที่การทำงานในรูปแบบใหม่กำลังเติบโตและพัฒนาไปในอนาคต และเราต่างก็หาหนทางในการปรับตัวกับการใช้ชีวิตในรูปแบบ new normal ไม่ว่าเราจะทำงานจากบ้านหรือจากออฟิศก็ตาม การวิวัฒนาการของเครื่องมือดิจิทัล HR จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรักษาการมีส่วนร่วมกับพนักงาน (Employee Engagement) ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วในหลายอุตสาหกรรม

HR trend

แอปบริหารจัดการพนักงานนั้นสามารถทำให้ HR พึงพอใจได้อย่างไรบ้าง?

คุณสมบัติเหล่านี้ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างทวีคูณแก่แผนก HR ขององค์กรต่าง ๆ ยกตัวอย่างจากแอป OneDee.ai

  • ขยายขอบเขตการให้บริการที่ครอบคลุมทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การเข้าถึงของพนักงานทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น
  • หัวหน้าพูดคุยกับทีมงานได้สะดวก เข้าถึงพนักงานได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาด้านการสื่อสารภายในองค์กร ช่วยเทรนพนักงาน เพิ่ม Employee Engangement ภายในองค์กร พนักงานสามารถเข้าใจเป้าหมายขององค์กรในทิศทางเดียวกัน
  • AI Chatbot ช่วยตอบคำถามพนักงานแทน HR เช่น สวัสดิการ, โควต้าวันลา, โอที, สิทธิประโยชน์ต่างๆ ช่วยลดเวลาในการทำงาน ไม่ต้องให้ HR มาคอยตอบปัญหาที่ซ้ำซ้อน
  • ความสามารถในการใช้งานได้หลากหลาย ครอบคลุมได้ทุกฟังกชัน ทั้งการลงเวลาผ่านมือถือ ขอลางานออนไลน์ จัดตารางกะทำงาน รวมไปถึงการจ่ายเงินเดือน ทำให้ HR สามารถบริหารพนักงานได้สะดวกยิ่งขึ้นในแอปเดียว
  • สามารถจัดการงานและขั้นตอนการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ ทำให้ลดต้นทุนและการจัดการจากมนุษย์ เช่น การประกาศข่าวสาร (Anouncement) ให้พนักงานทราบผ่านแอป หรือการรายงานการเข้างานของพนักงานแบบ real-time เป็นต้น

สำหรับบริษัทที่กำลังมองหาแอปพลิเคชันบริหารพนักงานด้วย AI Chatbot สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือทดลองใช้ได้ที่ https://www.onedee.ai/th/ 

บทความอื่นๆ

อัปเดต ค่าลดหย่อนภาษี 2566 มนุษย์เงินเดือนเช็คให้ดีก่อนยื่น!

อัปเดต ค่าลดหย่อนภาษี 2566 มนุษย์เงินเดือนเช็คให้ดีก่อนยื่น!

ใกล้สิ้นปีแบบนี้เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนหลายๆ คนคงมีคำถามเป็นเสียงเดียวกันว่า ใกล้จะต้องจ่ายภาษีแล้ว “สามารถลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง?”...

อ่านเพิ่มเติม
Share This